วันพุธที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2559

แทมบูริน (Tambourine)



Maenad playing a tympanum. 
Detail from the Triumph of Dionysus, 
on a Roman mosaic from Tunisia (3rd century AD)


          แทมบูริน (Tambourine) จัดอยู่ในตระกูลเครื่องกระทบ ประกอบขึ้นด้วยขอบกลมเหมือนขอบกลอง ขนาดเล็กประมาณ 10 นิ้ว ขอบอาจจะทำด้วยไม้ พลาสติก หรือโลหะ รอบๆ ขอบติดด้วยแผ่นโลหะประกบกัน 2 แผ่น หรือติดด้วยลูกกระพรวนเป็นระยะ ใช้ตีกระทบกับฝ่ามือ หรือสั่นเขย่าให้เกิดเสียงดังกรุ๋งกริ๋ง เพื่อประกอบจังหวะให้เกิดความสนุกสนาน สดชื่น แทมบูรินบางชนิดจะขึงด้วยหนังเหมือนกลอง 1 ด้าน ใช้ฝ่ามือตีที่หนังก็ได้ แทมบูรินมีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Riqq หรือ Riq

แทมโบรินแบบไม่มีหนังกลอง
แทมโบรินแบบไม่มีหนังกลอง


แทมโบรินแบบมีหนังกลอง
แทมโบรินแบบมีหนังกลอง


Riq
Riq




มารู้จักเครื่องกระทบกัน : แทมบูริน (TAMBOURINE)





ที่มา :
- https://en.wikipedia.org/wiki/Tambourine
- http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=431
- https://jakrapanspa.wordpress.com/



ไทรแองเกิล สามเหลี่ยม กิ๋ง (Triangle)



Angelica Kauffman: L'Allegra, 1779



          ไทรแองเกิล สามเหลี่ยม หรือ กิ๋ง (Triangle) คือ เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ ทำด้วยแท่งโลหะ ดัดให้เป็นรูปสามเหลี่ยม แท่งโลหะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซ.ม. เพื่อให้เสียงดังกังวานต้องแขวนกิ่งไว้กับเชือก แล้วตีกระทบด้วยแท่งโลหะ กิ๋งมีเสียงแจ่มใสมีชีวิตชีวา


รูปทรงของกิ๋ง และแท่งโลหะสำหรับตี




วิธีการถือกิ๋ง





มารู้จักเครื่องกระทบกัน : ไทรแองเกิล สามเหลี่ยม หรือ กิ๋ง (Triangle)





ที่มา :
- http://www.sahavicha.com/?name=knowledge&file=readknowledge&id=431
- https://en.wikipedia.org/wiki/Triangle_(musical_instrument)



คาสทาเน็ตหรือกรับสเปน (Castanet)


Renoir's 1909 painting 
Dancing girl with castanets


          กรับสเปน (Castanets) เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องกระทบ กรับ 1 ชุดจะมี 2 ชิ้น ขนาดจะพอดีกับอุ้งมือ นำมาตีกระทบกันทำให้เกิดเสียงตามลีลาจังหวะที่ต้องการ ปกติจะใช้เสียงของกรับประกอบการเต้นระบำ นิยมใช้ในประเทศสเปน และในกลุ่มประเทศอเมริกาใต้ ตัวกรับจะทำด้วยไม้เนื้อแข็ง เมื่อมากระทบกันทำให้เกิดเสียงดัง



Köçek troupe at 1720 celebration 
fair at Sultan Ahmed's sons' circumcision.


รูปรางหน้าตากรับสเปนแบบต่างๆ




ลักษณะการถือกรับสเปน




มารู้จักเครื่องกระทบกัน : คาสทาเน็ต หรือ กรับสเปน (Castanet)





ที่มา :
- โรงเรียนทวีธาภิเศก
- https://en.wikipedia.org/wiki/Castanets



วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

8. แตรวง (Brass Band)

          แตรวง เป็นเครื่องดนตรีที่อยู่ในวงดนตรีที่ผสมด้วยเครื่องดนตรี (กลุ่มเครื่องทองเหลือง,กลุ่มเครื่องกระทบ) ชนิดต่างๆ เพียงสองตระกูลเท่านั้น วงดนตรีในลักษณะนี้เหมาะสำหรับใช้บรรเลงนำในการเดินแถวในทุกสภาพท้องถิ่น เพราะแตรเป็นเครื่องดนตรีที่สร้างขึ้นด้วยโลหะ และไม่มีส่วนประกอบที่กระจุกกระจิกเหมือนเครื่องดนตรีอื่นๆ ทนต่อการโยกย้ายหรือหอบหิ้วไปได้โดยสะดวก
          ผู้ริเริ่มนำเครื่องเป่าลมทองเหลืองมารวมเป็นวง คือ กลุ่มชาวเหมืองในเมืองเฮย์ด็อค แอปเปิลตัน ประเทศอังกฤษ ใน ค.ศ.1894 โดยใช้บรรเลงในพิธีแต่งงานนำความคักคึกมาสู่ครอบครัวและชุมชน ต่อมาแตรวงพัฒนาไปบรรเลงประกอบการเดินแถวทหาร การสวนสนาม พิธีแห่ รวมถึงงานกีฬา
          ประกอบด้วย 2 กลุ่มเครื่องดนตรี คือ กลุ่มเครื่องลมทองเหลือง (Brass) ได้แก่ คอร์เน็ต ทรัมเป็ต ทรอมโบน ทูบา ยูโฟเนียม บาริโทน เฟรนช์ฮอร์น กลุ่มเครื่องกระทบ (Percussion) ได้แก่ กลองเล็ก (Snare Drum) กลองใหญ่ (Bass Drum) ฉาบ (Cymbal)


ปัจจุบันแตรวงได้มีการพัฒนาการเป็น 2 รูปแบบ คือ

          1.แตรวงที่พัฒนาเป็นวงโยธวาธิต ใช้ในกิจกรรมของกองทัพ และตามโรงเรียนมัธยม มีรูปแบบในการบรรเลง เช่นใช้โน้ตเพลงที่แยกกันแต่ละชิ้น มีการประสานเสียง

ประกอบด้วยเครื่องดนตรี 2 กลุ่ม คือ
1. กลุ่มเครื่องทองเหลือง (Brass Instruments)
2. กลุ่มเครื่องกระทบ (Percussion Instruments)



แตรวงมาตรฐานของอังกฤษใช้เครื่องดนตรี 26 ชิ้น


          2.แตรวงพื้นบ้านที่ใช้ในกิจกรรมชาวบ้าน ในการแห่ประกอบงานรื่นเริง งานบวช งานสมโภช งานบุญต่างๆ โดยบรรเลงแบบวงปี่พาทย์ คือใช้บทเพลงที่ใช้กับวงดนตรีทั่วไป โดยเน้นความสนุกสนานแตรวงพื้นบ้านจะมีเครื่องดนตรีไม่มากนัก เครื่องดนตรีที่ใช้จะเป็นจำพวกแตร การฝึกหัดก็จะใช้การถ่ายทอดสืบต่อกันมาไม่มีการดูโน้ตเพลง
          ในเวลาการบรรเลงต้องอาศัยการจดจำ นั่งล้อมวงกันบรรเลงแตรวงจึงเป็นการละเล่นพื้นบ้านในการดำรงชีวิต ของชาวบ้าน ผู้ที่เล่นทั้งชายและหญิงทุกวัย ตั้งแต่เด็กหนุ่มสาวผู้ใหญ่ไปจนถึงผู้สูงอายุตามโอกาส



แตรวงชาวบ้าน


----------------------------------



          วงแตรวงชาวบ้าน หรือแตรวง มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมของชาติ ประจำ ปีพุทธศักราช ๒๕๕๗ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม

แตรวง
          แตรวง พัฒนามาจากวงดนตรีเครื่องเป่า (Wind and Brass Ensemble) เป็นวงดนตรีที่ใช้ในยุโรปและสหรัฐอเมริกามาแต่โบราณ ในกิจการของกองทัพ การฝึกแถวการเดินสวนสนามในพิธีเกียรติยศ และการประโคมในพิธีเฉลิมฉลองของรัฐหรือราชสำนักใช้เครื่องดนตรีตระกูลเครื่องเป่าทองเหลืองและลมไม้ (Brass & Woodwind musical instruments) ในสมัยโบราณเรียกรวมๆ ว่า บราสแบนด์ (Brass Band) เนื่องจากบทบาทในการดำเนินทำนองเป็นของกลุ่มเครื่องดนตรีทองเหลืองมากกว่าและนิยมเล่นกลางแจ้ง ให้เสียงที่ดังเจิดจ้าชัดเจนสามารถเดินเล่นและนั่งเล่นเป็นกลุ่มได้ วงเครื่องเป่า ได้พัฒนาขึ้นมาเป็นมิลิทารีแบนด์ (Military Band) มีจุดประสงค์ในการใช้งาน คือ การเล่นเพลงเดินเท้าเข้าสู่สนามรบของทหาร หรือใช้ประกอบการสวนสนามของทหารเพื่อปลุกใจในยามสงครามหรือประกอบพิธีต่างๆ ของทหารโดยเฉพาะ
          สมัยกรุงศรีอยุธยาช่วงแผ่นดินพระนารายณ์มหาราช มีฝรั่งนำแตรมาทูลเกล้าฯ ถวายเป็นเครื่องราชบรรณาการ ส่วนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์พบในบันทึกว่ามีแตรวิลันดาที่ใช้ในพระราชพิธีของราชสำนัก ซึ่งเชื่อว่าเป็นแตรฝรั่งที่ชาวฮอลันดานำเข้ามาเป็นชาติแรกในกรุงสยาม ต่อมาในสมัยรัชกาลพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ริเริ่มมีการฝึกทหารแบบอังกฤษที่วังหน้าของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวและที่วังหลวง ครูผู้ฝึกแถวคือร้อยเอกน็อกซ์ (Knox) และร้อยเอกอิมเปย์ (Impey) ชาวอังกฤษ ตามลำดับ ทั้งสองท่านได้นำวงดุริยางค์เครื่องเป่าขนาดเล็ก ที่เรียก Brass Band ของยุโรปมาบรรเลงคำนับถวายเวลาพระเจ้าแผ่นดินเสด็จฯ ออกมหาสมาคม พอถึงรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีบันทึกชัดเจนว่าแตรวงของทหารเรือ เรียกว่า แตรวงทหารมะรีน สมัยนี้มีครูฝรั่งมาสอนและควบคุมแตรวงอยู่ ๓ ท่าน คือ ครูเวสเตอร์เฟล ชาวเยอรมัน ครูเฮวู้ด เซน ชาวฮอลันดา และครูจาคอบ ไฟท์ (Jakob Feit) ชาวเยอรมัน จนแตรวงทหารมหาดเล็กถือกำเนิดในสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวนี้เอง ได้พระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอกรมหมื่นอดิศรอุดมเดชเป็นผู้บังคับการและก่อตั้งแตรวงทหารหน้าขึ้นเป็นครั้งแรก ซึ่งต่อมาแตรวงทหารนี้ได้เจริญรุ่งเรืองมาเป็นกองดุริยางค์ทหารบกในปัจจุบัน (เรียบเรียงโดย อานันท์ นาคคง)
          “แตรวง” เชื่อกันว่ามีใช้กันมาก่อนสมัยรัชกาลที่ ๕ และเป็นคำที่พบในหนังสือสาสน์สมเด็จ ซึ่งสมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์และสมเด็จพระบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงเขียนจดหมายโต้ตอบกันด้วย ครั้นถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๖ ได้ทรงบัญญัติ คำว่า “ดุริยางค์” ขึ้น ดังนั้น วงดนตรีทั้งหลายจึงหันมาใช้คำว่า “ดุริยางค์” แทนคำว่า ดนตรี อาทิ วงจุลดุริยางค์ วงดุริยางค์สากล วงดุริยางค์ไทย เป็นต้น วงดุริยางค์ใช้ในความหมายของการนั่งบรรเลง เช่น วงดุริยางค์กรมศิลปากร วงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ เป็นต้น สำหรับวงโยธวาทิตนั้น (Military Band) เป็นศัพท์บัญญัติที่ราชบัณฑิตยสถาน สร้างขึ้นในยุคหลัง หมายถึง “วงดนตรีที่บรรเลงโดยทหาร” ซึ่งมาจากคำว่า “โยธา” แปลว่า ทหาร รวมกับคำว่า “วาทิต” แปลว่า “ดนตรีหรือผู้บรรเลงดนตรี” นิยมใช้กับดนตรีที่ใช้ในการสวนสนามของกองดุริยางค์ทหารกองลูกเสือ นอกจากนั้น วงโยธวาทิตได้แพร่เข้าไปสู่ระบบการศึกษา เข้าไปอยู่ในโรงเรียนทั่วประเทศทั้งระดับประถมศึกษาและ มัธยมศึกษา วงโยธวาทิตมีหน้าที่นำแถวนักกีฬา นำแถวลูกเสือ และใช้ในการนั่งบรรเลงเพลงไทยตามแบบแผนที่สมเด็จ พระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์กรมกระนครสวรรค์วรพินิต ทรงปรับปรุงแนวทางขึ้นเพื่อใช้กับโยธวาทิต ของกองทัพบกและกองทัพเรือในอดีต มีการเรียบเรียงสกอร์เพลงไทยสำหรับวงโยธวาทิตจำนวนมาก ใช้วัตถุดิบจาก เพลงปี่พาทย์สำนักพาทยโกศลและเพลงพระนิพนธ์ของพระองค์เอง ผู้เรียบเรียงเพลงไทยสำหรับโยธวาทิตที่มีชื่อเสียง ได้แก่ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอเจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์กรมกระนครสวรรค์วรพินิต พันตรีหลวงประสานดุริยางค์ ร้อยเอกนพ ศรีเพชรดี และพันโทวิชิต โห้ไทย เป็นต้น




          กลุ่มเครื่องดนตรีที่ประกอบขึ้นเป็นโยธวาทิตและแตรวงของไทย ประกอบด้วย เครื่องดนตรีกลุ่มใหญ่ๆ ๒ กลุ่ม คือ
๑. กลุ่มเครื่องเป่า แบ่งย่อยเป็นเครื่องลมไม้และเครื่องทองเหลือง (Wind & Brass Instruments)
๒. กลุ่มเครื่องจังหวะ เครื่องตี-เครื่องกระทบ (Percussions Instruments)

          ลักษณะของการผสมวงเป็นไปอย่างหลวมๆ ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมีแบบแผนที่ตายตัวเหมือนกับวงดนตรีไทยทั่วไป หรือเทียบกับวงดนตรีในประเพณีนิยมของยุโรปคลาสสิค คนไทยนิยมใช้เสียงแตรวงชาวบ้านประโคมแห่ในงานพิธีกรรมต่างๆ ที่มีชาวบ้านมาชุมนุมกัน ทั้งงานรื่นเริงบันเทิงใจ อาทิ งานบวชนาค ทำขวัญ งานแห่ขันหมาก งานมงคลสมรส งานสมโภชวันสำคัญทางพุทธศาสนา งานศพ งานมหรสพ การโหมโรงหน้าโรงละคร โหมโรงหน้าโรงภาพยนตร์ที่เรียกว่า “หนังเงียบ” ไปจนถึงงานประโคมข่าวป่าวประกาศกิจกรรมการเมืองท้องถิ่น ฯลฯ แตรวงชาวบ้านมีอิสระในการเลือกบทเพลงมาใช้ในการแสดง ในการออกงานพิธี และไม่มีสูตรตายตัวว่าจะต้องมีลำดับเพลงอย่างไร เพลงที่ใช้เล่นบรรเลงตามงานของแตรวงชาวบ้านส่วนหนึ่งเป็นเพลงที่จำมาจากแตรวงของทหาร มีทั้งเพลงฝรั่งเพลงไทย ใช้จังหวะเดินแถวอย่างทหารที่เรียกว่ามาร์ช (March) ตีด้วยกลองใหญ่ให้จังหวะ เรียกชื่อเพลงว่า มาร์ชต่างๆ อาทิ มาร์ชดำรง มาร์ชภานุรังษี มาร์ชกรมหลวงประจักษ์ มาร์ชลาวดวงเดือน และยุคสมัยรัชกาลที่ ๗ มีการนำภาพยนตร์เงียบเข้ามาฉายในประเทศไทย การโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้คนดูมาซื้อบัตรเข้าดูภาพยนตร์ ก็จะนิยมใช้แตรแห่นำ เมื่อถึงช่วงภาพยนตร์ใกล้ฉาย ก็จะไปตั้งวงเล่นโหมโรงเรียกร้องความสนใจจากคนดู และเมื่อถึงเวลาฉายภาพยนตร์ก็จะย้ายเข้าไปบรรเลงสดๆ หน้าจอ คิดด้นเพลงไปตามภาพเคลื่อนไหวของหนัง เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในอดีต ที่ได้มีประสบการณ์ใหม่กับภาพยนตร์เงียบอย่างยิ่ง ต่อมาเมื่อเกิดเพลงรำวงสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง แตรวงชาวบ้านก็นำเพลงรำวงสนุกๆ ที่นิยมร้องเล่นกันไปเป่าในกระบวนแห่ด้วย จนกระทั่งยุคเพลงลูกทุ่งเพลงลูกกรุง หรือเพลงไทยสากลในปัจจุบัน ถ้าเพลงไหนเป็นที่นิยมก็มักจะถูกนำไปบรรเลงรับใช้สังคมไทยเสมอมา
          คณะแตรวงชาวบ้านที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน อาทิ คณะถนอมศิลป์ ปทุมธานี คณะ ส.จุฬาลักษณ์ สมุทรสงคราม คณะวรรณธนวาทิต นนทบุรี คณะกุหลาบโชว์ พระนครศรีอยุธยา คณะครูดำมิวสิค พระนครศรีอยุธยา คณะเพชรพระนคร พระนครศรีอยุธยา คณะเอ็กซเรย์ ราชบุรี คณะสุนิศา ท่ามะขาม ราชบุรี คณะมณฑาสวรรค์ ดำเนินสะดวก ราชบุรี คณะสมหวัง บ้านโป่ง ราชบุรี คณะ ส.แก้วบูชา นครปฐม คณะแตรวงรักชาติเมืองสุพรรณ คณะลูกทุ่งเมืองทอง นนทบุรี คณะสุวรรณศิลป์ ศาลายา นครปฐม ฯลฯ บุคลากรที่ถือเป็นภูมิปัญญาทางแตรวงชาวบ้านในปัจจุบัน อาทิ พันโทวิชิต โห้ไทย ศิลปินแห่งชาติ ครูสมัคร กรานต์แหยม นนทบุรี ครูหมู เมืองนนท์ ครูสมาน กันเกตุ ราชบุรี ครูวิรัช แสงจันทร์ สมุทรสงคราม




          แตรวงชาวบ้าน ในปัจจุบันสภาพสังคมเปลี่ยนไป ความนิยมในการประโคมแห่ลดลงและมีกิจกรรมดนตรีเพื่อสังคมชาวบ้านแบบอื่นๆ มาใช้ทดแทน แต่ก็มิใช่ว่าแตรวงชาวบ้านจะเงียบเสียงไปเสียเลยทีเดียว ในหลายท้องถิ่นยังคงพึ่งพาดนตรีแตรวงเพื่อความสนุกสนานบันเทิงในชุมชน ยังคงมีชาวบ้านที่สนใจฝึกฝนแตรวงแบบชาวบ้านสืบทอดวิธีการบรรเลงด้วยลีลาของชาวบ้านกันอยู่ แม้ว่าทางหน่วยงานราชการและสถานศึกษาสมัยใหม่จะหันไปนิยมการส่งเสริมวงโยธวาทิต ที่มีระเบียบแบบแผนมาตรฐานระดับชาติและนานาชาติมากกว่าแล้วก็ตาม สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การรวบรวมและบันทึกหลักฐานความรู้เกี่ยวกับแตรวงชาวบ้านเอาไว้อย่างเป็นรูปธรรม ยังไม่มีความชัดเจนพอและไม่ได้รับการเอาใจใส่จากสถาบันการดนตรีใดๆ อย่างจริงจัง แม้กระทั่งสถาบันการศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรู้ทางเครื่องเป่าตะวันตกที่มุ่งสร้างมาตรฐานให้เทียบเท่าสากล ก็ละทิ้งรากฐานความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมแตรวงชาวบ้านกับการศึกษาในระบบเสียมาก ความหวังในการสืบทอดแตรวงยังคงลางเลือนหากมุ่งฝากภารกิจเอาไว้ที่ภาครัฐและสถาบันการศึกษา คงเป็นเรื่องทางเลือกและการตัดสินใจของชุมชนที่จะเล็งเห็นคุณค่าของแตรวงชาวบ้าน กับการอยู่ร่วมกับสังคมไทยในอนาคตได้อย่างไร



ที่มา :
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม https://www.facebook.com/DCP.culture/posts/597559840369592
กรมส่งเสริมวัฒนธรรม หน้า 30 - 33 http://ich.culture.go.th/doc/ich2014.pdf