วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2559

คลาริเน็ต (Clarinet)


          คลาริเน็ต เป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าลมไม้ ที่พัฒนามาจากเครื่องดนตรีในสมัยกลางเรียกว่า Chalumeau คลาริเน็ตเป็นเครื่องดนตรีที่มักทำจากไม้หรือพลาสติก ทำให้เกิดเสียงโดยใช้ลิ้นเดี่ยว (single reed) ซึ่งรัดติดกับปากเป่าเช่นเดียวกับแซกโซโฟน ช่วงเสียงคลาริเน็ต (Bb) เริ่มตั้งแต่ D (เขียนว่า E แต่เล่นแล้วออกเสียง D เนื่องจากเป็นคลาริเน็ตบีแฟลต มีเสียงต่ำกว่าที่เขียนไว้ 1 tone) เรื่อยขึ้นไปประมาณ 3 ½ คู่แปด



ประวัติ
          ประมาณ 3,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช ยามนั้นมีเครื่องเป่าหนึ่งชื่อว่า Memet ทำจากไม้ แล้วเหลาที่ปลายลำตัวเครื่องให้เป็นลิ้น ต่อมาราว 2,000 ปีที่แล้ว มีเครื่องดนตรีชื่อ ชาลูโม - Chalumeau เกิดขึ้น บรรเลงเรื่อยมาอีกเป็นพันปี
          ชาลูโม (Chalumeau) เป็นคำแสลง ภาษาฝรั่งเศส แปลว่า ประกายไฟ ไฟที่กำลังปะทุ (Firecracker) แต่ เมื่อมาเป็นชื่อเครื่องดนตรี ดังนั้น เวลาทำให้เป็นพหูพจน์ ต้องเปลี่ยนรูป เป็น ชาลูโมซ์ (Chalumeaux)
          ชาลูโม เป็นเครื่องดนตรีประเภทปี่ลิ้นเดี่ยว (Single Reed) ถือกำเนิดขึ้นในยุคกลาง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 12 และได้รับความนิยมมาจนถึงช่วงกลางยุคบาโร้ค เป็นบรรพบุรุษโดยตรงของ คลาริเน็ต (Clarinet) จนกระทั่งในยุคคลาสสิค คลาริเน็ต จึงมีบทบาทเข้ามาแทนที่ชาลูโม และรีคอร์เดอร์ ไปจนหมดสิ้น


ชาลูโม (Chalumeau)



          กระทั่งช่วง ค.ศ.1690 นายเดนเนอร์ แห่งเมืองนูเรมเบิร์ก เยอรมนี ได้ดัดแปลงแล้วเรียกชื่อเป็น คลาริเน็ต จากนั้นก็มีผู้พัฒนาการต่อมาเรื่อยๆ และเริ่มใช้กันอย่างแพร่หลายในวงออร์เคสตราเมื่อปี ค.ศ. 1780 (คลาริเน็ตเป็นหนึ่งในเครื่องดนตรีโปรดของโมซาร์ท) และแทนที่โอโบในวงโยธวาทิตได้ในที่สุด
          ช่วง ค.ศ.1800 คลาริเน็ตมีคีย์เพิ่มเป็น 5-6 คีย์ ค.ศ.1812 ไอวาน มุลเลอร์ ได้ประดิษฐ์เป็น 13 คีย์ เพื่อให้เล่นเพลงได้หลากหลายขึ้น และเป็นผู้ที่หันลิ้นมาไว้ด้านล่างของปากเป่าแบบปัจจุบัน ต่อมา ค.ศ.1843 โกลส และ บัฟเฟต์ ครูสอนคลาริเนตในปารีสได้เอาระบบ Boehm ของฟลุตมาใช้กับคลาริเน็ต ตามด้วยการเพิ่มคีย์อีก 5 - 6 คีย์ โดย คาร์ล บาร์มานน์ ในค.ศ.1862 และการออกแบบใหม่ในต้นศตวรรษที่ 20 ค.ศ.1912 โดย โอสการ์ โอห์เบอร์




          คำ Clarinet มาจากภาษาอิตาเลียน คลาริน่า-Clarina แปลว่า แตร ใส่คำวิเศษตามหลัง คือ - et แปลว่าเล็กๆ รวมเป็น คลาริเน็ต แปลว่า แตรอันเล็กๆ คลาริเน็ตเป็นเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าลมไม้ ทรงกระบอกตรง ลำโพงบานออก และมีที่เป่าเป็นลิ้นเดี่ยว เล่นโดยใช้นิ้วปิดเปิดรูและกดคีย์ต่างๆ เกิดเสียงโดยการเป่าลมผ่านช่องแคบๆ ให้เข้าไปภายในท่อซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวขยายเสียงให้ดังขึ้น ลักษณะของเสียงที่เกิดขึ้นจะแตกต่างกันตามขนาดของท่อ ความสั้นยาวของท่อ และความแรงของลมที่เป่าเข้าไปภายในท่อ

  

  




          ลำตัวปี่คลาริเน็ตทำด้วยโลหะและไม้ หรือบางครั้งก็ทำด้วยยางหรือพลาสติก ลำตัวปี่กลวง เปลี่ยนระดับเสียงโดยใช้นิ้วและคีย์โลหะบุนวมปิดเปิดรูปี่ คลาริเน็ตมีรูปร่างคล้ายกับปี่โอโบ แตกต่างกันที่ปากเป่า (กำพวด) คุณภาพเสียงมีช่วงเสียงกว้างและทุ้มลึก มีนิ้วพิเศษที่ทำเสียงได้สูงมากเป็นพิเศษ


ชนิดของคลาริเน็ต

          1. อีแฟล็ตคลาริเน็ต (Eb Clarinet) มีขนาดเล็กกว่าบีแฟลตคลาริเน็ต และมีระดับเสียงสูงกว่าบีแฟลตคลาริเน็ตคู่ 5 เพอร์เฟค

  

อีแฟล็ตคลาริเน็ต (Eb Clarinet)


          2. บีแฟล็ตคลาริเน็ต (Bb Clarinet) คลาริเน็ตในระดับเสียงบีแฟล็ตได้ถูกใช้เป็นตัวแทนเมื่อมีการกล่าวถึงคลาริเน็ตเสมอ


บีแฟล็ตคลาริเน็ต (Bb Clarinet)


          3. อัลโตคลาริเน็ต (Alto Clarinet) ขนาดใหญ่และยาวกว่าคลาริเน็ตอื่นๆ ระดับเสียงต่ำกว่าบีแฟล็ตคลาริเน็ตอยู่คู่ 5 เพอร์เฟกต์ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ โค้งงอย้อนขึ้นเหมือนแซกโซโฟน

  

อัลโตคลาริเน็ต (Alto Clarinet)


          4. เบสคลาริเน็ต (Bass Clarinet) ใช้ระบบการวางนิ้วชุดเดียวกับคลาริเน็ตบีแฟลตทุกอย่าง แต่เวลาเล่นจะมีเสียงต่ำกว่าบีแฟลตคลาริเน็ตอยู่ 1 คู่แปด เหมาะที่จะนำไปใช้บรรเลงแนวทำนองในระดับเสียงต่ำ ลักษณะเด่นของเบสคลาริเน็ตอยู่ที่ข้อต่อ กำพวดจะเป็นรูปโค้งงอ ปากลำโพงทำด้วยโลหะ งอย้อนขึ้นมาคล้ายกับแซกโซโฟน

  

เบสคลาริเน็ต (Bass Clarinet)





ที่มา :
http://musicforall.forumth.com/t81-topic
http://www.pantown.com/board.php?id=13220&area=4&name=board10&topic=18&action=view


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น